แนะผู้หญิงที่แต่งงานแล้วไม่มีบุตรแต่อยากมี อย่าใช้วิธีขโมย เพราะผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม ขอให้ติดต่อขอรับเด็กในสถานสงเคราะห์เป็นบุตรบุญธรรม เผยแต่ละปีมีคนไทยและต่างประเทศนับหมื่นคนขอรับเด็กไปเลี้ยง ระบุให้ทดลอง 6 เดือน ก่อนเลี้ยงจริง
จากกรณี นางยุพิน ฉิมทอง อายุ 33 ปี แม่บ้านประจำโรงพยาบาลนครนายก อยากมีลูกแต่ตั้งครรภ์แล้วแท้งถึง 3 ครั้ง จึงใช้วิธีขโมยทารกในโรงพยาบาลศูนย์สระบุรี สุดท้ายถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้นั้น นายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า อยากฝากไปถึงผู้อยากมีบุตรว่าอย่าใช้วิธีการดังกล่าวเลย เพราะนอกจากผิดกฎหมาย ยังผิดศีลธรรม เพราะทำให้คนเป็นแม่ลูกกันจริง ๆ ต้องพลัดพรากจากกันและเกิดความเสียใจ แต่ขอให้ใช้วิธีรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งกระทรวงฯ เปิดให้บริการรับเด็กในสถานสงเคราะห์ของกระทรวง ทั้งที่อยู่ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ไปเป็นบุตรบุญธรรมได้
ถ้าอยากได้ อย่าไปขโมยเขาเลย มายื่นแสดงความจำนงขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมได้ ถ้าอยู่ต่างจังหวัดก็ยื่นเรื่องที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดทุกจังหวัด ถ้าอยู่ในกรุงเทพฯ ก็ยื่นที่ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมอยู่ที่บ้านราชวิถี เมื่อยื่นแล้วจะมีการสอบสภาพครอบครัวว่ามีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไร หากมีเด็กจะแจ้งให้ไปดูที่สถานสงเคราะห์ในกรุงเทพฯ ก็เด็กอ่อนพญาไท เด็กอ่อนปากเกร็ด ต่างจังหวัดก็มีทุกภาค นายวัลลภ กล่าวและว่า ในแต่ละปีมีทั้งชาวไทยและต่างประเทศจำนวนมากแสดงความจำนงขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม โดยคนไทยประมาณ 10,000 คนต่อปี ส่วนใหญ่จะเป็นญาติพี่น้อง เพราะคนไทยไม่นิยมรับลูกคนอื่นไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม มีบ้างแต่ไม่มาก ส่วนชาวต่างประเทศประมาณ 500 รายต่อปี
ปลัด พม.กล่าวด้วยว่า สำหรับคุณสมบัติของผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี อายุ งมากกว่าเด็กที่จะขอไม่น้อยกว่า 15 ปี มีสถานภาพทางครอบครัวพร้อมจะรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม เลือกเด็กไม่ได้ แต่บอกเพศและอายุที่ต้องการได้ โดยสรุปขั้นตอนต่าง ๆ ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน เพราะตามกฎหมายกำหนดให้มีการทดลองเลี้ยงดูเป็นเวลา 6 เดือนด้วย และในระหว่างเลี้ยงดูจะมีนักสังคมสงเคราะห์ไปเยี่ยมบ้านประมาณ 3 ครั้ง เพื่อดูความพร้อมของครอบครัวว่าสามารถอยู่ร่วมกับครอบครัวได้หรือไม่ หากไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ก็สามารถเปลี่ยนใจได้ ทั้งนี้ ปลัด พม.ยังกล่าวไปถึงนางยุพินด้วยว่า หากพ้นโทษแล้ว ให้ติดต่อมายังกระทรวงฯ เพื่อขอรับเด็กไปเป็นบุตรบุญธรรมดีกว่าไปใช้วิธีดังกล่าว
ที่มา http://www.namjai.com/webboard/aspboard_Question.asp?GID=1163