แล้วฉันจะมีความสุข
เมื่ออาตมาอายุ 14 ปี อาตมากำลังเตรียมตัวสอบ
ระดับ O-Level ที่ รร มัธยม ในลอนดอน
พ่อ,แม่ และ ครู บอกว่า ให้อาตมาหยุดเล่นบอลตอนเย็น
และในวันสุดสัปดาห์ เพื่อ จะได้อยู่บ้านและใช้เวลาทำการบ้าน
ท่านบอกว่า ถ้าอาตมาสอบได้คะแนนดีๆ
อาตมาจะมีความสุข
…………………………………………………………
และอาตมาก็ทำได้ดี แต่มันไม่ได้ทำให้มีความสุข
แต่ทำให้ต้องเรียนหนักยิ่งขึ้นอีก 2 ปี
และตอนนี้ทุกคนบอกว่าให้หยุดไปเที่ยวกับเพื่อน
และวิ่งไล่จีบสาวๆ แต่ตั้งใจเรียนจะได้ สอบ A-Level
ถ้าทำคะแนนได้ดี
อาตมาจะมีความสุข
………………………………………………………………
ครั้งนี้เช่นกัน อาตมาทำตามแต่ก็ไม่เห็นมีความสุข
แต่กลับกลายเป็นต้อง เรียนหนักอีก3 ปีเพื่อจะได้รับปริญญาจาก มหาวิทยาลัย
แม่ กับอาจารย์บอกให้อาตมา อยู่ห่างไกล จากบาร์
และงานเลี้ยง ของมหาวิทยาลัย
ท่านทั้ง 2 บอกว่า ถ้าได้รับใบปริญญา
อาตมาจะมีความสุข
………………………………………………………………
มาถึงจุดนี้อาตมาชักสงสัย ซะแล้วว่า
ความสุขนั้นมีจริงเหรอ อาตมาเห็นเพื่อนรุ่นพี่
ที่เรียนอย่างหนัก แล้วจบแล้ว ตอนนี้เขาก็กำลัง
ทำงานอย่างหนัก และเก็บเงิน เขาบอกอาตมาว่า
ถ้าเขาเก็บเงินซื้อรถได้สักคัน
เขาจะมีความสุข
……………………………………………………
ต่อมาเขาก็เก็บจนซื้อรถได้
แต่ก็เห็นเขายังไม่มีความสุขสักที
เพราะว่าเขาต้องทำงานหนักขึ้น
เพื่อซื้อสิ่งต่างๆที่เขาคิดว่าจะทำให้เขามีความสุข
หรือไม่ก็วุ่นวายกับความรัก
"ถ้าพี่ได้แต่งงาน
ลงหลักปักฐานแล้ว
พี่จะได้มีความสุขสักที"
……………………………………………………
หลังแต่งงานแล้วเขาก็ยังคงไม่มีความสุข
แต่ต้องทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆ รับงานพิเศษทำ
เพื่อรวบรวมเงินให้มากพอที่จะมัดจำห้องชุด
หรือ บ้านเล็กๆสักหลัง เขาบอกว่า
"ถ้าเรามีบ้านของเราเองเมื่อไร
เราจะมีความสุข"
…………………………………………………
แต่เป็นที่น่าเสียใจว่า การที่ต้องผ่อนจ่ายชำระค่าบ้าน
เป็นรายเดือน นั้นย่อมทำให้พวกเขาไม่มีความสุข
ยิ่งไปกว่านั้นบัดนี้เขาเริ่มสร้างครอบครัว
มีลูกที่ทำให้เขาต้องตื่นกลางดึก กลืนกินเงินทั้งหมดที่เขาเจียดไว้
เพิ่มความวิตกกังวลนานา ประการแก่เขา อย่างมหาศาล
คราวนี้ คงจะเป็นสัก 20ปี ข้างหน้าหรอก
ที่เขาจะสามารถทำอะไรได้ดั่งใจ
เขาบอกอาตมาว่า" เมื่อใดที่ลูกๆโตพอที่จะออกจากบ้านไปตั้งตัวเองได้
เมื่อนั้นแหละ เราจึงจะมีความสุข"
……………………………………………………
กว่าลูกๆจะโตพอที่จะจากบ้านไป
พ่อแม่ส่วนใหญ่ก็ใกล้จะถึงเวลาที่จะปลดเกษียณ
ดังนันเขาจึงต้องเลื่อนเวลา แห่งความสุข
ออกไปก่อน เขาต้องทำงาน อย่างหนัก
เพื่อจะอดออม ไว้ใช้ยามแก่
เขาบอกอาตมาว่า
" เกษียณเมื่อไหร่ เราก็จะได้มีความสุขสักที"
……………………………………………………
แน่นอน ว่าเมื่อเขาเกษียณแล้ว
หรือ อาจจะก่อนด้วยซ้ำ เขาจะเริ่มสนใจ
ศาสนา และเริ่มเข้าโบสถ์ โยมเคยสังเกตุไหม
มีคนแก่ๆ จำนวนเท่าไรที่ครอบครองม้านั่งในโบสถ์ ?
อาตมาถามเขาว่า ไปโบสถ์ ทำไม
เขาตอบว่า "เพราะว่า ตายแล้วเราจะมีความสุข"
……………………………………………………
สำหรับผู้ที่เชื่อว่า "เมื่อฉันได้สิ่งนี้ๆแล้ว ฉันจึงจะมีความสุข"
ความสุข ของเขาจะเป็นแค่ความฝัน ในอนาคตเท่านั้น
มันจะเป็นเหมือนสายรุ้ง ที่อยู่เบื้องหน้า เราเพียงไม่กี่ก้าว
แต่เราไม่มีวันเอื้อมถึง เขาจะไม่มีวันเข้าถึง
ความสุขที่เขาต้องการไม่ว่าชาตินี้ หรือ ชาติหน้า
……………………………………………………………..
จากหนังสือ "ชวนม่วนชื่น" ของ พระอาจารย์พรหมวงโส แห่งวัดป่าโพธิญาณ พุทธสมาคมแห่งออสเตรเลีย ตะวันตก